ความหมายของความรู้ของนักวิชาการ
(Daveport&Prusk. 1997.8)
กล่าวว่า ความรู้หมายถึง กรอบของการประสมประสานระหว่างประสบการณ์
ค่านิยม ความรอบรู้ในบริบท และความรู้แจ้งอย่างช่ำชอง
เป็นการประสมประสานทีให้กรอบสำหรับการประเมินค่า
และการนำเอาประสบการณ์กับสารสนเทศใหม่ๆ มาผสมรวมเข้าด้วยกัน
มันเกิดขึ้นและถูกนำไปใช้ประยุกต์ในใจของคนที่รู้ สำหรับในแง่องค์กรนั้น
ความรู้มักจะสั่งสมอยู่ในรูปของเอกสาร หรือแฟ้มเก็บเอกสารต่างๆ
รวมไปถึงขั้นสั่งสมอยู่ในการทำงาน อยู่ในกระบวนการ
อยู่ในการปฏิบัติงาน และอยู่ในบรรทัดฐานขององค์กรนั้นเอง
ฮิเดโอะ ยามาซากิ (Hedeo Yamazak) (อ้างใน วรภัทธ์ ภู่เจริญ,
2548 : 138)
ได้แสดงว่ามิติความรู้ โดยเริ่มจากฐานล่าง คือ
ข้อมูล สังเคราะห์จนได้สารสนเทศคิดเปรียบเทียบ เชื่อมโยงจนได้ ความรู้
นำไปใช้จนแก่งกลายเป็น ปัญญา
Ikujiro Nonaka (1994 : 14-37 อ้างถึงในธเนศ เกสรสิริธร 2555 : 8)
นักจัดการความรู้ได้จำแนกความรู้ออกเป็น 2 ประเภท และให้คำจำกัดความไว้เบื้องต้นที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรม ซึ่งนักการจัดการความรู้ใหม่ๆ จะต้องทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งเพราะจะเป็นพื้นฐานในการจัดการความรู้ คือ
1. Explicit Knowledge เป็นความรู้ที่ปรากฏและมองเห็นได้ชัดเจน สามารถจัดทำออกมาในรูปแบบของเอกสาร
คู่มือหรือสื่อต่างๆ และสามารถถ่ายทอดหรือรวบรวมได้ง่าย
เช่น เอกสาร หนังสือ วีซีดี เทป
ฐานข้อมูล เรียกว่ารูปแบบรูปธรรม
2. Tacit Knowledge เป็นความรู้ที่ไม่ปรากฏชัดแจ้ง ถูกฝังลึกและซ่อนเร้นอยู่ในตัวบุคคล
โดย Tacit Knowledge อาจเกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้หรือพรสวรรค์ (Talent) การถ่ายทอดหรือสื่อสารในรูปแบบของตัวเลขหรือตัวอักษรอาจทำได้ยาก
วิจารณ์พานิช (2546: 2-5)
ให้ความหมายว่าการจัดการความรู้ หมายถึง การยกระดับความรู้ขององค์กร เพื่อสร้างผลประโยชน์จากต้นทุนทางปัญญา โดยเป็นกิจกรรมที่ซับซ้อนและกว้างขวาง ไม่สามารถให้นิยามด้วยถ้อยคำสั้นๆ ได้ต้องให้นิยามหลายข้อจึงจะครอบคลุมความหมายดังนี้
- การจัดการความรู้
มีความหมายถึง การรวบรวม การจัดระบบ การจัดเก็บ และการเข้าถึงข้อมูล
เพื่อสร้างเป็นความรู้เทคโนโลยีด้านข้อมูลและด้านคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มพลังในการจัดการความรู้
แต่เทคโนโลยีด้านข้อมูลและคอมพิวเตอร์โดยตัวของมันเองไม่ใช่การจัดการความรู้
- การจัดการความรู้เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนความรู้
ถ้าไม่มีการแลกเปลี่ยนความรู้
แล้วความพยายามในการจัดการความรู้ก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ
พฤติกรรมภายในองค์กรเกี่ยวกับวัฒนธรรม
พลวัตและวิธีปฏิบัติมีผลต่อการแลกเปลี่ยนความรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัฒนธรรมและสังคมมีความสำคัญต่อการจัดการความรู้อย่างยิ่ง
- การจัดการความรู้ต้องอาศัยผู้รู้ในการตีความและประยุกต์ใช้ความรู้
ในการสร้างนวัตกรรมและเป็นผู้นำทางในองค์กรรวมทั้งต้องการผู้เชี่ยวชาญในสาขาใดสาขาหนึ่งแนะนำวิธีประยุกต์ใช้การจัดการความรู้
ดังนั้นกิจกรรมเกี่ยวกับการดึงดูดคนดีและเก่งการพัฒนาคน
การติดตามความก้าวหน้าของคน และดึงดูดคนมีความรู้ไว้ในองค์กร
ถือเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการความรู้
- การจัดการความรู้เป็นเรื่องของการเพิ่มประสิทธิผลขององค์กรการจัดการความรู้เกิดขึ้นเพราะมีความเชื่อว่าจะช่วยสร้างความมีชีวิตชีวาและความสำเร็จให้องค์กรประเมินต้นทุนทางปัญญา
และผลสำเร็จของการประยุกต์ใช้การจัดการความรู้เป็นดัชนีบอกว่าองค์กรมีการจัดการความรู้อย่างได้ผลหรือไม่
Peter Senge (1990)
เชื่อว่า หัวใจของการสร้างองค์การแห่งการเรียนรู้อยู่ที่การเสริมสร้าง วินัย 5 ประการ ให้เกิดผลจริงจังในรูปของการนำไปปฏิบัติ
แก่บุคคล ทีม และองค์การอย่างต่อเนื่องและทุกระดับ โดย Sengeได้ให้คำนิยามของ ”องค์การแห่งการเรียนรู้” ว่า “เป็นองค์การที่ผู้คนต่างขยายขีดความสามารถเพื่อสร้างผลงานที่ต้องการสร้างอนาคต” คำว่า “วินัย (Disciplines)” หมายถึง
เทคนิควิธีที่ต้องศึกษาใคร่ครวญอยู่เสมอแล้วนำมาปฏิบัติ
เป็นแนวทางการพัฒนาเพื่อการแสวงหาการเสริมสร้างทักษะ หรือสมรรถนะ
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถผ่านการปฏิบัติ เพื่อความคิดสร้างสรรค์เพื่อสิ่งใหม่
ๆ วินัย 5 ประการ ประกอบด้วยวินัยประการที่ 1: ความรอบรู้แห่งตน (Personal
Mastery)วินัยประการที่ 2: แบบแผนความคิดอ่าน (Mental
Models) วินัยประการที่ 3: วิสัยทัศน์ร่วม (Shared
Vision)วินัยประการที่ 4: การเรียนรู้ของทีม (Team
Learning)วินัยประการที่ 5: การคิดอย่างเป็นระบบ(Systematic
Thinking)
นพ ประเวช วะสี
ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด. (2549)
การจัดการความรู้โดยใช้ปลาทูโมเดล (TUNA MODEL)
โมเดลปลาประกอบไปด้วย
3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนตัว และส่วนหางส่วนหัวปลา เรียกว่า KV ย่อมาจาก Knowledge Vision หมายถึงส่วนที่เป็นวิสัยทัศน์
หรือเป็นทิศทางของการจัดการความรู้ กล่าวคือ
ส่วนหัวจะทำหน้าที่มองว่ากำลังจะไปทางไหนต้องตอบได้ว่า "ทำ KM ไปเพื่ออะไร"ส่วนตัวปลา เรียกว่า KS ย่อมาจาก Knowledge Sharing หมายถึงส่วนที่เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจ และเป็นส่วนที่ยากลำบากที่สุดในกระบวนการทำ KM เพราะต้องเกิดจากปัจจัย
และสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้คนพร้อมที่จะแบ่งปันและเรียนรู้ร่วมกันส่วนหางปลา เรียกว่า KA ย่อมาจาก Knoeledge Assets หมายถึงส่วนที่เป็นเนื้อหาความรู้ที่เก็บสะสมไว้เป็น
"คลังความรู้" หรือ "ขุมความรู้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น